BE8 พบผู้ลงทุนตอกย้ำความเชื่อมั่น ตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 40% รับอานิสงส์ “Virtual Bank-Cyber Security”

BE8 พบผู้ลงทุนตอกย้ำความเชื่อมั่น ลั่นปีนี้เติบโตแข็งแกร่งรับอานิสงส์เมกะเทรนด์โลก ชี้องค์กรทั้งภาครัฐ-เอกชน มุ่งสู่ยุค Digital Transformation แบบเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการลงทุนเพิ่มด้าน “Virtual Bank-Cyber Security” ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 40% พร้อมจับมือพันธมิตรลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการให้บริการครบวงจร ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า

นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 ได้นำเสนอข้อมูลผลประกอบการปี 2566 และทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม BE8 ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) โดยให้ความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจปีนี้ ยังเป็นไปตามเป้าหมายรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง องค์กรส่วนใหญ่ยังมีความต้องการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในด้านเทคโนโลยี การตลาดดิจิทัลมุ่งสู่ยุค Digital Transformation แบบเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์โลก ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโต 40%

นายอภิเษก กล่าวต่อว่า ในปีนี้ยังจะเห็นภาพการลงทุนเพิ่มด้านเทคโนโลยีขององค์กรต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนของสถาบันการเงิน หลังจากที่กระทรวงการคลังประกาศหลักเกณฑ์การจัดตั้งธนาคารพาณิชย์แบบไร้สาขา ( Virtual Bank) และการลงทุนเพิ่มด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ขององค์กรต่างๆ ซึ่งกลุ่ม BE8 มีความพร้อมด้านบุคลากรและทีมงานที่มีประสบการณ์รองรับการให้บริการ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและให้คำปรึกษาทั้งการวางกลยุทธ์ในภาพรวมและระบบเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งปัจจุบันกลุ่ม BE8 ก็มีลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่อยู่แล้ว

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่า 1,864 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชนอีกหลายแห่ง รวมมูลค่ากว่า 5,462 ล้านบาท ซึ่งจะสนับสนุนให้รายได้ของกลุ่ม BE8 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันโครงสร้างรายได้หลักจะมาจากรายได้จากการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้กว่า 1,098 ล้านบาท รองลงมาจะเป็นรายได้จากกลุ่มการให้บริการด้านเทคโนโลยีในส่วนของการขายและการเช่าใช้สิทธิการใช้งาน 740 ล้านบาท และรายได้จากการดูแลระบบเทคโนโลยีและการจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี 570. 37 ล้านบาท