‘บมจ.เบริล 8 พลัส’ เปิดกลยุทธ์สู่ผู้นำด้าน Digital Transformation พร้อมขับเคลื่อนการให้บริการครบวงจรด้วยเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระดับโลก รุกเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ นำร่องในเวียดนามเป็นแห่งแรก
‘บมจ.เบริล 8 พลัส’ หรือ BE 8 ผู้นำด้าน Digital Transformation แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ เปิดกลยุทธ์สู่ผู้นำขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation แห่งอาเซียน เดินหน้าลงทุนพัฒนานวัตกรรมแห่งเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ใหม่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว พร้อมวางแผนร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ หวังผนึกกำลังเสริมสร้างศักยภาพการให้บริการครบวงจร และเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจก้าวข้ามผ่าน Digital Disruption ประกาศปักธงขยายการให้การบริการในตลาดเวียดนาม รับตลาดซอฟต์แวร์ขยายตัวสูง
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ (End-To-End Digital Transformation Expert) ที่มีประสบการณ์มากว่า 12 ปีโดยมีความแข็งแกร่งที่บริษัทฯ มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธุรกิจ และเทคโนโลยีที่หลากหลาย จึงนำเสนอนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกเข้ามาสนับสนุนให้ลูกค้าจะล้ำหน้า Digital Disruption ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากลในกว่า 11 ประเทศทั่วโลก โดยเรามีวิสัยทัศน์เป็น “คู่คิดทางธุรกิจที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ ด้วยความใส่ใจ ตั้งใจ และความรับผิดชอบ ที่เชื่อมโยง และตอบโจทย์ กลยุทธ์ของลูกค้า เพื่อก่อให้เกิดคุณค่าทางธุรกิจอย่างยั่งยืน” และวางเป้าหมายเป็นผู้นำขับเคลื่อนการทำ Digital Transformation ในระดับภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจให้บริการโดยยึดมั่นเสมอมาว่า ‘ความสำเร็จของลูกค้า คือความสำเร็จของเรา’ (Customer Success is Our Success) โดยแบ่งออกการให้บริการเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- งานบริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และพัฒนาเทคโนโลยี (Strategy and Technology Consulting) โดยให้คำปรึกษา และวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัล (Digital Strategy) รวมไปถึงการวางแผนพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การวางกลยุทธ์ลูกค้าสัมพันธ์ (CRM Strategy) การให้บริการพัฒนาระบบการออกแบบ และการสร้างโซลูชั่นส์ (Implementation) รวมทั้งการติดตั้งระบบต่างๆ ตามแผนงาน ตลอดจนพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีของบุคลากร และการฝึกอบรม (Technology Capability Building)
- งานบริการเทคโนโลยี (Technology Service) การขายสิทธิการใช้ และการให้เช่าใช้สิทธิการใช้งาน (License and Subscription) โดยนำเสนอซอฟต์แวร์ระดับโลกที่ตอบโจทย์การทำ Digital Transformation อาทิ Salesforce, Google Workspace, Tableau, Snowflake, MuleSoft ฯลฯ พร้อมพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันเองเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างหลากหลาย อาทิ BE8 Loyalty Management ฯลฯ การบริการจัดหาคนที่มีความรู้ และเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลเทคโนโลยี ตลอดจนให้บริการส่วนงานสนับสนุน และดูแลระบบเทคโนโลยี (Support and Maintenance)
“BE8 เป็นบริษัทแรกและแห่งเดียวในอาเซียนที่ Salesforce Venture เข้าร่วมทุนสะท้อนถึงการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation อย่างแท้จริงประกอบกับการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระดับโลก และภายในองค์กรมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถด้านพัฒนาระบบ และด้านที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่นเป็นคู่คิดและเคียงข้างธุรกิจ โดยนำนวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาเชื่อมโยงตอบโจทย์กลยุทธ์ของลูกค้าให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด สร้างความสำเร็จสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” นายอภิเษก กล่าว
“BE8 เป็นบริษัทแรกและแห่งเดียวในอาเซียนที่ Salesforce Venture เข้าร่วมทุนสะท้อนถึงการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Digital Transformation อย่างแท้จริงประกอบกับการมีพันธมิตรกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ระดับโลก และภายในองค์กรมีบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถด้านพัฒนาระบบ และด้านที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่น และศักยภาพทั้งหมดภายใต้การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดก็เพื่อสร้างความสำเร็จของลูกค้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” นายอภิเษก กล่าว
นางสาวพิมพ์กานต์ ปุญญเจริญสิน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและนักลงทุนสัมพันธ์ BE8 กล่าวว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศไทยมีศักยภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ภาคธุรกิจกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงดิจิทัลอย่างรวดเร็ว และในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ส่งผลให้ภูมิทัศน์การดำเนินธุรกิจในตลาดดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจไทย (B2B) เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลักดันให้ธุรกิจต่างๆ ต้องหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพมาสร้างช่องทางการดำเนินธุรกิจใหม่ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ลูกค้า โดยคาดการณ์ตลาดดิจิทัลสำหรับภาคธุรกิจไทย (B2B) ในปี 2564 อยู่ที่ 148,704 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 5.2%
ขณะที่กลยุทธ์การตลาด บริษัทฯ วางแผนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตภายใต้การให้บริการ Digital Transformation แบบครบวงจร (One Stop Service for Digital Transformation) ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ การพัฒนาและติดตั้งระบบ การสร้างโมเดลการวิเคราะห์ชั้นสูง และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ พร้อมนำเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกจากพันธมิตรมาสนับสนุนธุรกิจให้ประสบความสำเร็จทั้งในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน โดยนำความเชี่ยวชาญ ความเข้าใจในเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง มานำเสนอการบริการที่ตอบโจทย์กับภาคธุรกิจ พร้อมทั้งมุ่งวิจัยพัฒนาระบบ และซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับประเภทของการใช้งานตลอดจนพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้ก้าวทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้ลูกค้าผ่านกระบวนการทำ Digital Transformation ให้ก้าวล้ำกับ Digital disruption
ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนลงทุน 3 ปี (2564-2566) มุ่งพัฒนาเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพื่อให้บริการเหมาะสมกับการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับภาคอุตสาหกรรม เช่น ระบบสำหรับกลุ่มสถาบันการเงิน, กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามลักษณะการใช้งาน เช่น ระบบ Loyalty Management ระบบ Tenant Management และ ระบบ Omni Channel Package เป็นต้น เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าภายในระยะเวลาที่เร็วขึ้นและมีต้นทุนลดลง รวมถึงร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเพื่อผนึกกำลังเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้บริการครบวงจร และก้าวทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับกับการขยายการให้บริการต่างประเทศ
สำหรับการขยายตลาดต่างประเทศมุ่งขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มประเทศในภูมิภาค ภายใต้การเป็นผู้นำการให้บริการ Digital Transformation และการติดตั้งระบบ Customer Relationship Management โดยจะเริ่มรุกทำตลาดเวียดนามก่อน หลังจากได้จัดตั้งบริษัท เบริล 8 พลัส เวียดนาม จำกัด และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่าย (Reseller Partner) ของ Salesforce เป็นรายแรกในปี คาดว่าจะเริ่มทำการตลาด และขยายการให้บริการได้ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 เพื่อรับกับโอกาสของตลาดซอฟต์แวร์ในช่วง 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2564-2567 ที่คาดการณ์ว่ามีอัตราการเติบโต 13% และเป็นสปริงบอร์ดขยายสู่ประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำการทำ Digital Transformation แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เพื่อผลักดันธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตได้อย่างยั่งยืน
นางสุภัตรา สิมธาราแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน BE8 กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจ 12 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการยอมรับในระดับสากลทั้งจากลูกค้าต่างประเทศทั้งในสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, ฟิลลิปปินส์, มาเลเซีย, และ เวียดนาม และบริษัทชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทยในภาคธุรกิจสถาบันการเงินและประกันภัย กลุ่มธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค โรงงาน และอุตสาหกรรมและอื่นๆ ผลักดันให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง มีผลการดำเนินงานทั้งในด้านยอดขาย และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในช่วงปี 2561 – 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย และให้บริการ 211.57 ล้านบาท 311.49 ล้านบาท และ 312.54 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 21.57% และมีกำไรสุทธิ 32.99 ล้านบาท 64.26 ล้านบาท และ 23.64 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากรายได้จากการให้บริการคำปรึกษาด้านกลยุทธ์ พัฒนาเทคโนโลยี และการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี โดยให้บริการออกแบบ พัฒนา และติดตั้งระบบต่างๆ ซึ่งสามารถขยายฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในหลากหลายประเภท ตลอดจนการรักษากลุ่มลูกค้าเดิม และการขยายฐานกลุ่มลูกค้า SMEs เพิ่มขึ้น
ส่วนรายได้รวมในไตรมาส 2/2564 (มกราคม-มิถุนายน) ทำได้ 178.81 ล้านบาท เติบโต 10.23% และมีกำไรสุทธิ 39.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.48 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับในงวด 6 เดือนแรกปี 2564 มีการตั้งประมาณการค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่ขาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 2.11 ล้านบาท ลดลงจากงวด 6 เดือนแรกปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญจำนวน 38.22 ล้านบาท
นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า เบริล 8 พลัส เป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในด้านการให้บริการ Digital Transformation แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ (End-To-End Digital Transformation Expert) ที่มีพันธมิตรนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลก พร้อมกับนำความเชี่ยวชาญ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งนำเสนอการบริการที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนการมุ่งมั่นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ใหม่ของตนเองที่สนับสนุนให้ลูกค้าประสบความสำเร็จในธุรกิจ ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งใน และต่างประเทศ
ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว ซึ่งภายหลังจะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้น IPO และคาดว่าจะนำบมจ.เบริล 8 พลัสเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในปีนี้ โดยบมจ.เบริล 8 พลัส เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 50 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ บมจ.เบริล 8 พลัส มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 75 ล้านบาท ซึ่งภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะนำเงินไปใช้ขยายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายสาขาต่างประเทศ ลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน