BE8 โชว์งบปี 66 กำไรพุ่ง 80% กวาดรายได้ทะลุ 2.4 พันล้าน
เบริล 8 พลัส โชว์งบปี 2566 กำไรสุทธิเติบโตกว่า 80 % กวาดรายได้รวมกว่า 2.4 พันล้านบาท ชี้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากองค์กรส่วนใหญ่มีความต้องการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันด้านเทคโนโลยี และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
นายอภิเษก เทวินทรภักติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2566 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 250.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 111.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 80.53 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 138.61 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้และการประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารจากการร่วมกันในกลุ่มบริษัท โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการ จำนวน 2,409.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,604.63 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 199.40 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 810.97 ล้านบาท
นายอภิเษกกล่าวต่อว่า การเติบโตของรายได้ทั้งในส่วนของการให้บริการด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี และ การให้บริการด้านเทคโนโลยี เป็นผลมาจากการเติบโตของความต้องการของลูกค้าในการทำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น โดยองค์กรส่วนใหญ่ยังมีความต้องการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในด้านเทคโนโลยี การตลาดดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมุลขนาดใหญ่ และรวมไปถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้กลุ่ม BE8 ยังได้มีการร่วมทุนและลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมด้วยการให้บริการแบบครบวงจร
ทั้งนี้หากแยกประเภทของรายได้จากลักษณะการให้บริการพบว่า ในปี 2566 กลุ่ม BE8 มีรายได้จากการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี 1,098.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 697.96 ล้านบาทหรือ 174.26 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีรายได้จากกลุ่มการให้บริการด้านเทคโนโลยีในส่วนของการขายและการเช่าใช้สิทธิการใช้งาน 740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 506.97 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 217.11 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการดูแลระบบเทคโนโลยีและการจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี 570. 37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 399.70 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 234.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
บริษัทและบริษัทย่อยมีทรัพย์สินรวม สิ้นสุดปี 2566 เป็นจำนวน 3,988.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 65.84 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นสุดปี 2565 ที่มีทรัพย์สินรวม 3,922.79 ล้านบาท ขณะที้มีหนี้สินรวม 1,188.97 ล้านบาท ลดลง 180.75 ล้านบาท จากปี 2565 เนื่องมาจากการชำระคืนเงินกู้ของบริษัทย่อยในระหว่างงวด โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 2,799.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 246.59 ล้านบาท จากปีสิ้นปี 2565 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 2,553.06 คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 9.66 % ซึ่งเพิ่มขึ้นจากกำไรจากการดำเนินงาน