ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็วการปรับตัวจึงเป็นกลไกลสำคัญในการแข่งขัน โดย Gartner ได้สรุป 10 เทรนด์สำคัญสำหรับปี 2025 ที่จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมืออนาคตด้วยเทรนด์ที่คัดสรรมาเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจ! แบ่งออกเป็น 3 ธีมหลัก ด้วยกันได้แก่ AI Imperatives, ขอบเขตใหม่ของการประมวลผล (New Frontiers of Computing), และการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร (Human-Machine Synergy) พร้อมปรับตัวเพื่ออนาคตหรือยัง? ใช้เทรนด์เหล่านี้เป็นคู่มือในการเตรียมองค์กรของคุณให้พร้อมสำหรับปี 2025!

Theme 1: ข้อจำเป็นและความเสี่ยงของ AI ขับเคลื่อนองค์กรให้ปกป้องตนเอง

แนวโน้มที่ 1: Agentic AI: AI ที่ทำงานอิสระสามารถวางแผนและดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ผู้ใช้กำหนด

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์?: ความสามารถของ Agentic AI ในการดำเนินการโดยอัตโนมัติหรือกึ่งอัตโนมัติมีศักยภาพที่จะช่วยให้ CIO สามารถบรรลุเป้าหมายในการใช้ Generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรได้อย่างเต็มที่
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ตัวแทน AI นี้ จะช่วยแบ่งเบาภาระ และเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของมนุษย์หรือแอปพลิเคชันแบบเดิม

แนวโน้มที่ 2: AI governance platforms: แพลตฟอร์มการกำกับดูแล AI ที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการการปฏิบัติตามกฎหมาย จริยธรรม และประสิทธิภาพของระบบ AI

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกนำไปใช้ในหลายด้านมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีกฎระเบียบเข้มงวด แต่เมื่อปัญญาประดิษฐ์แพร่หลาย ความเสี่ยงต่างๆจากการใช้ AI ก็เพิ่มขึ้น เช่น อคติ, ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว, และการต้องทำให้ AI สอดคล้องกับค่านิยมของมนุษย์ สิ่งสำคัญคือต้องมั่นใจว่า AI จะไม่สร้างความเสียหายต่อกลุ่มคนบางกลุ่ม ไม่บิดเบือนตลาด หรือควบคุมระบบสำคัญ
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: สร้าง จัดการ และบังคับใช้นโยบายที่ช่วยให้การใช้งาน AI เป็นไปอย่างมีความรับผิดชอบ อธิบายวิธีการทำงานของระบบ AI สร้างแบบจำลองการจัดการวงจรชีวิต และสร้างความโปร่งใสเพื่อความไว้วางใจและความรับผิดชอบ

แนวโน้มที่ 3: Disinformation security: เทคโนโลยีความปลอดภัยในการป้องกันข้อมูลบิดเบือน ที่มุ่งเน้นในการระบุความน่าเชื่อถืออย่างเป็นระบบ

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : ข้อมูลบิดเบือนเป็นการแข่งขันทางดิจิทัล การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต การแฮ็กข้อมูล ข่าวปลอม และกลวิธีทางสังคมกำลังถูกโจมตีโดยผู้ไม่หวังดีที่ตั้งใจจะสร้างความหวาดกลัว แพร่กระจายความหายนะ และกระทำการฉ้อโกง เมื่อเครื่องมือ AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักรมีความก้าวหน้าและเข้าถึงได้มากขึ้น คาดว่าข้อมูลบิดเบือนที่มุ่งเป้าไปที่องค์กรต่างๆ จะเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญและยั่งยืนหากไม่ได้รับการตรวจสอบ
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ลดการฉ้อโกงโดยเพิ่มการควบคุมในการยืนยันตัวตน ป้องกันการยึดบัญชีหรือการแอบอ้างตัวตนของผู้ใช้ผ่านการให้คะแนนความเสี่ยงแบบต่อเนื่อง การรับรู้บริบท (contextual awareness) และระบบการประเมินและจัดการความน่าเชื่อถือที่สามารถปรับตัวได้ตลอดเวลา ช่วยปกป้องชื่อเสียงของแบรนด์โดยการตรวจจับเนื้อหาที่อาจเป็นอันตราย

Theme 2: ขอบเขตใหม่ของการคำนวณ ผลักดันให้องค์กรพิจารณาวิธีการคำนวณใหม่

แนวโน้มที่ 4: Post-quantum cryptography (PQC): การป้องกันข้อมูลที่ทนทานต่อความเสี่ยงจากการถอดรหัสด้วยการคำนวณควอนตัม

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : ควอนตัมคอมพิวติ้งกำลังจะกลายเป็นจริงภายในทศวรรษนี้ และมีแนวโน้มที่จะทำให้วิธีการเข้ารหัสแบบเดิมล้าสมัย ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความปลอดภัยของข้อมูลอย่างมาก อาชญากรก็เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยใช้กลยุทธ์ "เก็บข้อมูลเข้ารหัสไว้ก่อน แล้วถอดรหัสทีหลัง" ซึ่งหมายถึงการขโมยข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ล่วงหน้า โดยคาดหวังว่าในอนาคตจะถอดรหัสได้ด้วยเทคโนโลยีควอนตัม ภัยคุกคามใหม่นี้ทำให้ต้องเร่งเตรียมพร้อมสำหรับ PQC ซึ่งเป็นวิธีป้องกันการถอดรหัสด้วยควอนตัม
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ปกป้องข้อมูลจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจากการพัฒนาเทคโนโลยีการคำนวณควอนตัม

แนวโน้มที่ 5: Ambient invisible intelligence: เทคโนโลยีที่ผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างแนบเนียน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติและเข้าใจได้ง่าย

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : เทคโนโลยีสำหรับแท็กและเซ็นเซอร์ราคาถูกกลายเป็นสิ่งที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้มีความน่าสนใจทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีนี้ให้ความสามารถในการมองเห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งมีคุณค่าสำหรับองค์กรและห่วงโซ่อุปทาน และอาจขยายไปสู่ ecosystem ที่กว้างขึ้นในอนาคต ความก้าวหน้าในมาตรฐานไร้สาย เช่น Bluetooth และเครือข่ายเซลลูลาร์ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Backscatter และอิเล็กทรอนิกส์ที่พิมพ์ได้ จะสนับสนุนการใช้งานใหม่ๆ ข้อมูลจากเทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับ AI และการวิเคราะห์ ช่วยปรับปรุงผลิตภัณฑ์และกระบวนการต่างๆ
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ช่วยในการติดตามและตรวจจับรายการแบบเรียลไทม์ในราคาประหยัด เพิ่มการมองเห็นและประสิทธิภาพ พร้อมเปิดโอกาสให้มีการระบุแหล่งที่มาที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ รวมถึงรูปแบบการรายงานข้อมูลตัวตน ประวัติ และคุณสมบัติใหม่ๆ

แนวโน้มที่ 6: การคำนวณที่ประหยัดพลังงาน: แนวทางการเพิ่มความยั่งยืนโดยการปรับปรุงสถาปัตยกรรม โค้ด และอัลกอริธึมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การใช้ฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับประสิทธิภาพ และใช้พลังงานหมุนเวียนในการทำงาน

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : ความยั่งยืนกลายเป็นเรื่องที่ผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญในตอนนี้ โดยฝ่าย IT มีส่วนสำคัญในการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม เช่น บริการทางการเงินและบริการ IT เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานสูง เช่น AI ส่งผลให้มีการใช้พลังงานสูงขึ้น แม้การพัฒนาประสิทธิภาพการประมวลผลแบบเดิมจะเริ่มถึงขีดจำกัด แต่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ เช่น หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) คอมพิวเตอร์แบบนิวโรมอร์ฟิก และคอมพิวเตอร์ควอนตัม คาดว่าจะช่วยให้มีการประหยัดพลังงานอย่างมีนัยสำคัญในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: รองรับแรงกดดันทางกฎหมาย การค้า และสังคมในการเพิ่มความยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยคาร์บอน

แนวโน้มที่ 7: Hybrid computing: การประมวลผลแบบไฮบริดเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เช่น CPU, GPU, อุปกรณ์เอดจ์, ASIC และระบบนิวโรมอร์ฟิก, ควอนตัม และโฟโตนิกส์ เพื่อแก้ปัญหาการคำนวณที่ซับซ้อน โดยสร้างสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดที่ใช้จุดแข็งของแต่ละเทคโนโลยี เพื่อแก้ปัญหาด้านการประมวลผล

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : การคำนวณแบบผสม (Hybrid Computing) ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ระบบโฟโตนิกส์, การคำนวณชีวภาพ, คอมพิวเตอร์นิวโรมอร์ฟิก และควอนตัม เพื่อสร้างผลกระทบที่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างสำคัญคือ GenAI ซึ่งการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนต้องการการคำนวณ, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดเก็บข้อมูลในขนาดใหญ่
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: สร้างสภาพแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความเร็วในการทำงานสูง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมได้, AI ที่ทำงานได้เหนือขีดจำกัดทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน, สร้างธุรกิจที่ทำงานอัตโนมัติระดับสูง, ความสามารถในการเสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ โดยการปรับเปลี่ยนประสบการณ์ตามความต้องการแบบเรียลไทม์

Theme No. 3: การผสานพลังระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร ทำให้โลกทางกายภาพและดิจิทัลเชื่อมต่อกัน

แนวโน้มที่ 8: Spatial computing: การเสริมความสมจริงในโลกทางกายภาพด้วยเทคโนโลยีอย่าง AR และ VR เพื่อมอบประสบการณ์ที่เสมือนจริง

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : Spatial computing กำลังเป็นกระแสนิยมนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AR (Augmented Reality), MR (Mixed Reality) และ AI ซึ่งช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่สมจริงทั้งในด้านเกม การดูแลสุขภาพ และอีคอมเมิร์ซ การขยายตัวของ 5G และอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น Apple Vision Pro และ Meta Quest 3 กำลังขับเคลื่อนความต้องการของผู้บริโภคและเปิดโอกาสสำหรับรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ด้วยบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia และ Qualcomm ที่กำลังสร้างระบบนิเวศ โดยตลาดนี้คาดว่าจะเติบโตจาก 110 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2033
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในการมีประสบการณ์เสมือนจริงในเกม การศึกษา และอีคอมเมิร์ซ รวมถึงความต้องการเครื่องมือสร้างภาพที่ซับซ้อนสำหรับการตัดสินใจและประสิทธิภาพในด้านการดูแลสุขภาพ การค้าปลีก และการผลิต

แนวโน้มที่ 9: Polyfunctional robots: หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานได้หลายอย่างและสลับการทำงานตามความต้องการได้อย่างต่อเนื่อง

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : หุ่นยนต์ที่มีหลายฟังก์ชันกำลังได้รับความนิยม เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและความต้องการผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ดีขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การจัดเก็บสินค้าและการผลิต ผู้จำหน่ายกำลังดึงดูดความสนใจจากสื่อด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้หุ่นยนต์ขั้นสูงเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ม้จะมีช่วงราคาที่หลากหลายและความสามารถที่แตกต่างกัน แต่ผู้ที่นำมาใช้ในช่วงแรกกำลังสำรวจศักยภาพของหุ่นยนต์เหล่านี้ในการทำงานหลายอย่าง ซึ่งรับประกันความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพด้านต้นทุนในธุรกิจได้
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ มี ROI ที่รวดเร็ว ไม่ต้องปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมพื้นฐาน ติดตั้งได้เร็ว ความเสี่ยงต่ำ และขยายได้ สามารถทำงานแทนหรือร่วมกับมนุษย์ได้

แนวโน้มที่ 10: Neurological enhancement: การพัฒนาความสามารถทางการรับรู้ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถอ่านและถอดรหัสการทำงานของสมอง

  • ทำไมถึงเป็นเทรนด์? : การเสริมสมรรถภาพทางประสาท (Neurological enhancement) กำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากมีศักยภาพในการทำให้สมองโปร่งใส ซึ่งจะปฏิวัติวงการดูแลสุขภาพ ขณะที่ AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ธุรกิจกำลังสำรวจการเชื่อมต่อสมองกับเครื่องจักร (brain-machine interfaces) เพื่อช่วยให้พนักงานพัฒนาทักษะและคงความสามารถในการแข่งขันโดยการเสริมสมรรถภาพทางปัญญา นอกจากนี้ยังถูกนำมาพิจารณาเพื่อสร้างประสบการณ์และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคที่ลึกซึ้งและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ผ่านกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่
  • ประโยชน์ทางธุรกิจ: ยกระดับทักษะมนุษย์ ปรับปรุงความปลอดภัย เพิ่มการศึกษาที่ปรับตามบุคคล ช่วยให้คนสูงวัยทำงานได้นานขึ้น และรองรับการตลาดยุคใหม่

ทำไมเทรนด์เหล่านี้ถึงสำคัญ?

เทคโนโลยีเหล่านี้ไม่เพียงช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรม แต่ยังตอบโจทย์ปัญหาด้านความปลอดภัย ความยั่งยืน และการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ AI อย่างลงตัว การนำเทรนด์เหล่านี้มาปรับใช้จะช่วยให้องค์กรก้าวนำในยุคดิจิทัลได้อย่างแท้จริง!

ที่มา : Gartner.com