วิธีพัฒนาบริษัทลูกค้าผ่านการ Integration ทำได้อย่างไร?
โลกเปลี่ยนได้เปลี่ยนไปแล้ว และด้านเทคโนโลยีขององค์กรของคุณก็เช่นกัน ทั่วโลกมีบริษัทที่บริการด้านซอฟต์แวร์ บริษัท SaaS กว่า 30,000 แห่ง และฐานลูกค้าประมาณ 14,000 ล้านคน การเพิ่มขึ้นของแอปพลิเคชัน SaaS และ Big Data ได้เปลี่ยนรูปแบบการเดินเกม ของบริษัทต่างๆ มองหาระบบคลาวด์เป็นอันดับแรก เมื่อพวกเขาจะเปิดแอปพลิเคชันใหม่ หรือมีความคิดริเริ่มที่จะเปิดตัวธุรกิจใหม่ ๆ
การประมวลผลแบบคลาวด์ ความสามารถในการจัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงแอปพลิเคชัน SaaS ที่มีมากมาย หลายองค์กรต่างสามารถเข้าถึงเครื่องมือ และข้อมูลเชิงลึกเพื่อบรรลุเป้าหมายความสำเร็จทางธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความท้าทายหลักของการนำแอปพลิเคชัน SaaS มาใช้ก็ คือ แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถเป็นส่วนขยายนำไปสู่ระบบนิเวศดิจิตอล ในระดับสูงได้
พิชิตการแบ่งส่วนทางการตลาดเพื่อบริษัทของลูกค้า เมื่อคุณทำให้แอปพลิเคชันของคุณมีความหลากหลาย ข้อมูลจะถูกเก็บแยกออกจากแผนก ทีม และแพลตฟอร์มต่าง ๆ นอกจากนี้เมื่อลูกค้าโต้ตอบกับบริษัทของคุณผ่านหลายช่องทาง ข้อมูลก็จะกระจายไปทั่วเเอพพลิเคชั่น ทั้งแผนก และเเอพพลิเคชั่น SaaS ต่าง ๆ ทำให้การสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ราบรื่น และเป็นส่วนตัวเป็นเรื่องที่ท้าทาย สิ่งนี้นำไปสู่ข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกันซึ่งยากต่อการจัดการและวิเคราะห์ นั่นส่งผลต่อความก้าวหน้าของบริษัทคุณในที่สุด คุณต้องมีมุมมองเดียวของข้อมูลลูกค้าในทุกแอปพลิเคชัน อุปกรณ์ และช่องทางที่ลูกค้าสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ หรือธุรกิจของคุณเพื่อแก้ปัญหานี้
ไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีอีกต่อไป มันเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อปฏิวัติธุรกิจที่กระจัดกระจายของคุณ เป้าหมาย คือ การสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นระหว่างลูกค้า พนักงาน ซัพพลายเออร์ และคู่ค้า ผ่านช่องทางและอุปกรณ์ที่หลากหลาย นี่ คือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ขึ้นกับลูกค้าของคุณทั่วทั้งระบบและทุกช่องทางที่ลูกค้าสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ หรือธุรกิจของคุณ
1. ระบุช่องทางติดต่อของลูกค้าทั้งหมดของคุณ
ลูกค้ามีความคิดเห็นที่แน่วแน่สูง พวกเขาคาดหวังผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและบริการที่เหนือความคาดหวัง ดังนั้นคุณต้องได้รับความไว้วางใจจากพวกเขา รวมถึงรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า Salesforce โปรแกรมการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ ส่งเสริมแนวคิดของ "Customer company" โดยมุ่งเน้นที่การให้คุณค่าโดยการรับฟังและเชื่อมต่อลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ นำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ปรับปรุงขั้นตอนกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และพร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงในทุกที่ทุกเวลา
ในการเป็น Customer Company คุณต้องให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งที่ธุรกิจของคุณทำ อย่างไรก็ตาม ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทของคุณผ่านช่องทางติดต่อต่างๆ ดังนั้นจึงไม่มีแอปพลิเคชันใดครอบคลุมทุก Touchpoint ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าทั้งทางตรงและทางอ้อม มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับวิธีการเชื่อมต่อก่อกำเนิดแอปพลิเคชันที่ดีที่สุดของคุณและส่งมอบระบบเพื่อการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
เมื่อคุณเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นบริษัทลูกค้า คุณต้องระบุแอปพลิเคชันทั้งหมดที่จะส่งผลต่อลูกค้าของคุณในการกำหนดเป้าหมายลูกค้า การเข้าถือสิทธิ์ การจัดเก็บรักษา การทำงานร่วมกัน และความเข้าใจ แอปพลิเคชันเหล่านี้สามารถพบได้ในแผนกต้อนรับส่วนหน้าและแผนกสนับสนุนเบื้องหลังที่ไม่ต้องพบปะลูกค้าโดยตรงของคุณ แต่จะให้มุมมองความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับประวัติเรื่องราวของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน SaaS ของคุณกับระบบ On-Premise ที่ติดตั้งใช้งานภายในองค์กร และแอปพลิเคชันใหม่ของคุณกับระบบเดิมของคุณ เพื่อให้เกิดมุมมองเดียวเฉพาะของลูกค้าและธุรกิจของคุณ
2. ใช้การบูรณาการเพื่อแถลงวิสัยทัศน์ของคุณ
เมื่อคุณระบุแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดต่อลูกค้าครบตลอดวงจรแล้ว ก็ถึงเวลาพิจารณาวิธีผสานรวมแอปพลิเคชันเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสอดคล้องกันในประสบการณ์และการบริการของลูกค้า ข้อมูลลูกค้าของคุณมีมากกว่าที่ปรากฏใน CRM ของคุณ นอกจากนี้ข้อมูลยังเป็นเครื่องมือทางการตลาด ระบบการเรียกเก็บเงิน และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินในระบบ CRM ของคุณต้องมีผลทั่วทั้งระบบการจัดการคำสั่งซื้อ และการเรียกเก็บเงินของคุณ ในทำนองเดียวกันเมื่อลูกค้าเข้าสู่ระบบโปรแกรม Support Ticket ควรจะสามารถแสดงสะท้อนให้เห็นในระบบบันทึกข้อมูลความสัมพันธ์ของลูกค้า CRM อีกด้วย
ข้อมูลที่แยกส่วนและกระจัดกระจายเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดในการเป็น Customer Company เนื่องจากอาจนำไปสู่การตัดสินใจทางธุรกิจที่ไม่ดีพอ ทำให้ความพึงพอใจของลูกค้าลดลง และอื่น ๆ อีกมากมาย การผสานรวมกันทำให้เกิดการสร้างมุมมองที่สอดคล้องกัน ระหว่างระบบและลูกค้าของคุณ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แน่ใจว่าข้อมูลเป็นปัจจุบัน อัพเดทอยู่เสมอและสอดคล้องกันในทุกแอปพลิเคชัน ทำให้คุณสามารถปรับปรุงและปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าลักษณะเฉพาะบุคคล อีกทั้งยังเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกด้วย
การรวมแอปพลิเคชันทั้งธุรกิจทำให้สามารถดำเนินการจัดการเรื่องต่างๆ โดยอัตโนมัติตามลำดับของกิจกรรมกระบวนการทางธุรกิจได้ ไม่ว่าจะดำเนินการโดยซอฟต์แวร์ (แอพพลิเคชั่น หรือ งานบริการ) โดยมนุษย์ หรือ อุปกรณ์ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำให้ กระบวนการทางธุรกิจเป็นอัตโนมัติในระบบนิเวศของคุณได้ มีแอปพลิเคชัน SaaS ที่ตอบสนอง (เกือบ) ทุกความต้องการทางธุรกิจ โดยมีการตีตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ตอนนี้กุญแจสำคัญ คือ การหาวิธีเชื่อมต่อระบบเหล่านั้นให้มีความปลอดภัยโดยอัตโนมัติในทุกครั้ง เพื่อให้คุณรวดเร็วว่องไว และพร้อมตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ในทันที
3. ก้าวไปไกลกว่าการ Integration: การออกแบบเพื่อความคล่องตัว รวดเร็ว
Integration ทำให้คุณสามารถออกแบบธุรกิจของคุณให้มีความคล่องตัวรวดเร็วสูงสุด ตัวอย่างเช่น หากทีมไอทีของคุณสร้างการเชื่อมต่อที่กำหนดเองสำหรับโมเดลซอฟต์แวร์ SaaS เข้ากับแอปพลิเคชันรุ่นเก่า การผสานรวมของคุณจะใช้เวลาและแรงงานมาก ทั้งยังมีข้อจำกัด และเสียหายได้ง่าย พวกเขาอาจปกปิดความไม่ยืดหยุ่นของโครงสร้างแอปพลิเคชันของคุณ และไม่ได้มอบความคล่องตัวที่ธุรกิจของคุณต้องการ
เป้าหมายที่แท้จริง คือการออกแบบสำหรับรองรับปัญหาในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่แค่จุดสิ้นสุดของวันนี้เท่านั้น ความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตามการผันแปรและการหยุดชะงักของตลาด ซึ่งนำเสนอความต้องการความคล่องตัวที่รวดเร็วทางธุรกิจ แพลตฟอร์มบูรณาการช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นได้ จะมีแอปพลิเคชันใหม่เพื่อรวมเข้ากับจุดประสงค์ที่มีอยู่แล้วของธุรกิจคุณเสมอ สิ่งนี้ผลักดันให้เกิดความต้องการแพลตฟอร์มบูรณาการแบบเปิดที่ปรับขนาดได้และปรับเปลี่ยนได้สำหรับภาพรวมของระบบที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ขณะที่คุณสำรวจ Tech Stack ชุดเทคโนโลยีที่องค์กรใช้สร้างเว็บ หรือแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ และช่องทางที่ลูกค้าติดต่อที่เป็นไปได้ทั้งหมดในองค์กรของคุณ โดยระบุช่องว่างทั้งหมดที่ต้องเติมเต็ม ตัวอย่างเช่น คุณอาจไม่มีแอปพลิเคชันใดๆ หรือคุณอาจมีแอปพลิเคชันที่ตรงกับความต้องการบางอย่างของคุณเท่านั้น
จากนั้นลองคิดดูว่าคุณจะนำเสนอการออกแบบนี้อย่างไร คุณจะเชื่อมต่อแอปพลิเคชันที่แตกต่างทั้งหมดของคุณได้อย่างไร? คุณจะวางแผนอย่างไรสำหรับการสั่งซื้อเทคโนโลยีในอนาคต? คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการเชื่อมต่อและสม่ำเสมอของข้อมูลลูกค้าจะเหมือนกันในทุกแอปพลิเคชัน?
ในขณะที่ผู้นำธุรกิจควบคุมการตัดสินใจซื้อระบบคลาวด์มากขึ้น การซื้อแอปเพื่อเติมเต็มช่องว่าง จึงขึ้นอยู่กับฝ่ายไอทีที่จะต้องหาวิธีทำให้ทุกชิ้นส่วนเข้ากันได้ การแก้ปัญหาแบบบูรณาการ ช่วยให้องค์กรของคุณสามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้ข้อมูลสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัดตลอดกระบวนการทางธุรกิจ การสื่อสารปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และปรับปรุงความคล่องตัวและความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน
ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างรูปแบบโครงสร้างแอปพลิเคชันที่ปรับตัวดัดแปลงได้ ทำให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับลูกค้า คู่ค้า และผู้จัดจำหน่าย บนอุปกรณ์ใดก็ได้ สามารถดำเนินธุรกิจของคุณทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างง่ายดาย
บทสรุป
ด้วยแอปพลิเคชันจำนวนมากในตลาดที่ค่อยๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศดิจิทัลของคุณ การปรับปรุงรูปแบบโครงสร้างแอปพลิเคชันให้ทันสมัยจะต้องยังคงเป็นหัวใจหลักของธุรกิจของคุณ ควบคู่ไปกับความต้องการที่ปรากฏขึ้นตลอดเวลาของลูกค้าและคู่ค้าของคุณ คุณต้องรวมพื้นที่เหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นบริษัทที่มีผลดำเนินงานประสิทธิภาพสูง เมื่อภูมิภาพด้านไอทีมีการแยกส่วนมากขึ้น ความต้องการการเชื่อมต่อผ่านการบูรณาการและนวัตกรรมจึงมีความจำเป็นมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีสร้างระบบนิเวศดิจิทัลแบบบูรณาการ ติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน Mulesoft แพลตฟอร์มระบบเชื่อมต่อและ API อันดับ 1 ของโลก ได้ที่นี่