วิธีป้องกันตัวเองจากการโจมตีทางไซเบอร์ของธุรกิจขนาดเล็ก
เจ้าของธุรกิจรายย่อยบางคนยังมีความเข้าใจผิดว่าตนเองนั้นมีขนาดเล็กเกินกว่าจะดึงดูดความสนใจของเหล่าแฮกเกอร์ แต่ในความเป็นจริงไม่มีองค์กรไหนเลยที่จะรอดพ้นจากมัลแวร์ การพิชชิ่ง และความไ่ปลอดภัยในโลกออนไลน์ที่เพิ่มจำนวนมากอย่างต่อเนื่องนี้ได้ อันที่จริง IBM Security ได้ทำการศึกษา 550 องค์กรที่ได้รับผลกระทบจากการละเมิดข้อมูลตลอดระยะเวลาหนึ่งปี สิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วพบว่ากว่า 83% ได้โดนละเมิดข้อมูลไปมากกว่าหนึ่งข้อมูล
ผลสำรวจจาก Provident Bank เมื่อไม่นานมานี้พบว่า มีเพียงผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อยเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นที่เตรียมตัวรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นจำนวนที่น่าสนใจมากเมื่อเทียบกับผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าพวกเขากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และคิดเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ
ผู้ประกอบการอาจทำสิ่งผิดพลาดลงไปเพราะความวิตกกังวลนี้ทำให้พวกเขาสร้างมาตราการป้องกันข้อมูลในช่วงเวลาที่ทั้งค่าใช้จ่ายและความถี่ของการโจมตีทางไซเบอร์นั้นกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในบทความนี้เราจะมาแบ่งปันเคล็ดลับและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์
ให้ความรู้พนักงาน
กว่า 80% ของการโดนละเมิดข้อมูลเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ แต่หากข้อมูลถูกละเมิด อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงขึ้นได้ การละเมิดข้อมูลทำให้บริษัทสูญเสียความเชื่อใจของลูกค้า ส่งผลเสียทั้งกับชื่อเสียงของบริษัทและผลกำไรของคุณด้วย ดังนั้นจึงควรฝึกอบรบพนักงานให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ดีที่สุด (รวมถึงพฤติกรรมในการท่องเว็บอย่างปลอดภัย) ตระหนักและระบุอีเมลที่น่าสงสัยได้ และคอยปกป้องข้อมูลของลูกค้าเอาไว้
ถ้าไม่อยู่ในสถานะที่จะฝึกอบรมพนักงานได้ด้วยตัวเอง ก็ยังมีหนทางอื่นๆอีกมากมายที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เพื่อช่วยให้พนักงานมีความเข้าใจและตระหนักถึงความเสี่ยงดังกล่าว
ใช้งานและอัพเดทซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยอยู่เสมอ
ธุรกิจขนาดเล็กบางแห่งลังเลที่จะลงทุนกับความปลอดภัยออนไลน์ เพราะคิดว่าไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายไหว แต่ผลกระทบจากการไม่ทำอะไรเลยอาจมีมูลค่าสูงกว่านั้น ดูจากสถิติมูลค่าที่สูญเสียจากการละเมิดความปลอดภัยในสหรัฐฯ เฉลี่ยรวมทุกอุตสาหกรรมอยู่ที่มูลค่าถึง 300 ล้านบาทต่อครั้ง
การรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและติดตั้งซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ข้อมูลของคุณปลอดภัย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั้งหมดมีการติดตั้งไฟล์วอล และอัพเดทซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดแล้ว ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันการโจมตีที่เป็นอันตรายได้และยังเป็นหนึ่งในแนวป้องกันที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากเหล่าผู้เล่นตัวร้ายได้ดีที่สุด
ปกป้องข้อมูลลูกค้า
การรักษาความปลอดภัยและสำรองข้อมูลของลูกค้าควรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของคุณ ซึ่งทำได้โดย :
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเพียงพนักงานที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลเท่านั้นจึงเข้าถึงข้อมูลได้
- เข้ารหัสข้อมูลไว้เพื่อป้องกันการโดนแฮก
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้บริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้ามีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ
- จำกัดปริมาณข้อมูลที่จัดเก็บไว้เท่าที่จำเป็น
เพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าคุณไม่ให้เกิดการรั่วไหล ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอพพลิเคชั่นระบบคลาวด์นั้นถูกตั้งค่าความปลอดภัยก่อนนำมาใช้สำรองข้อมูล การใช้งานระบบการจัดการบนคลาวด์ที่ปลอดภัยจะช่วยรักษาข้อมูลไว้ในกรณีที่คอมพิวเตอร์สูญหายหรือเกิดความเสียหายขึ้นมา
Zero Trust (ความไว้ใจเท่ากับศูนย์)
เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่จะเกิดความไว้วางใจขึ้น แต่เมื่อเป็นเรื่องของความปลอดภัยออนไลน์นั้น จะดีกว่าถ้าคุณทิ้งสัญชาติญาณนั้นลงก่อนแล้วเริ่มตั้งข้อสงสัยขึ้นมา โมเดล zero trust ในความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นแนวทางเพื่อให้ธุรกิจได้ตรวจสอบแต่ละขั้นตอนในการโต้ตอบกันทางออนไลน์ได้ ตัวอย่างเช่น การพิสูจน์ตัวตนแบบหลายทาง, การใช้โมเดลเข้าถึงตามสิทธิขั้นพื้นฐาน, จำกัดจุดเชื่อมต่อของผู้โจมตี และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อระบุการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
แนวทางดังกล่าวอาจจะฟังดูรุนแรง แต่การแพร่ระบาดของการโจมตีที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนั้น ทำให้ธุรกิจมากมายต้องหันมาใช้แนวทางนี้ สังเกตได้ว่ามีเพียง 41% ขององค์กรเป้าหมายในรายงานของ IBM เท่านั้นที่ใช้ระบบความปลอดภัยแบบ zero trust ขณะที่อีก 59% ไม่ได้ใช้ ผลที่ตามมาก็คือความเสียหายเพิ่มขึ้นมากกว่า 30 ล้านบาท เมื่อเทียบกับบริษัทเป้าหมายที่ใช้โมเดล zero trust
ตรวจสอบตัวเลือกรหัสผ่านอื่นๆ
คุณอาจเพิ่มความแน่นหนาให้กับระบบความปลอดภัยของอีเมลในธุรกิจคุณได้ด้วยการใส่ข้อกำหนดรหัสผ่านเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าบัญชีอีเมลนั้นถูกปกป้องด้วยรหัสเฉพาะ ซึ่งสามาถเปลี่ยนแปลงได้เป็นประจำ หรือว่าคุณจะเอารหัสผ่านนั้นออกจากสมการทั้งหมดไปเลยก็ได้
การยืนยันตัวตนโดยไม่ต้องใส่รหัสผ่านกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการใช้ยืนยันตัวตนผู้เข้าใช้งาน บางบริษัทเลือกใช้วิธีการส่งรหัสแบบใช้ครั้งเดียวไปยังเครื่องมือที่ลงทะเบียนไว้ บางบริษัทใช้วิธีการการตรวจสอบแบบสองทาง หรือวิธีแบบไบโอเมตริกอย่างลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า
ใช้เครื่องมือที่ไว้ใจได้
สัญญาและข้อตกลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของพนักงานจำนวนมาก ด้วยจำนวนเอกสารที่มักประกอบไปด้วยข้อมูลละเอียดอ่อน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้งานผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้เพื่ออำนวยความสะดวกในการรวบรวมลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ โดย DocuSign หนึ่งในสิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุด คือ การทำให้ประสบการณ์ใช้งานขอคุณมีความปลอดภัยและมั่นคงที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ การสร้างความไว้วางใจฝังอยู่ใน DNA และหยั่งรากทั้งในตัวบุคคลากร กระบวนการ และเทคโนโลยี ลองเข้ามาที่ DocuSign เพื่อเรียนรู้ฟีเจอร์เพิ่มเติมและระบบเพื่อให้ลูกค้าของเราปลอดภัยจากเหล่าผู้โจมตี